ผู้ประกอบการ - เจ้าของกิจการ

1250 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ผู้ประกอบการ - เจ้าของกิจการ

ความสำเร็จในชีวิต  หลายคนเชื่อว่าผู้ประกอบการสามารถสอนกันได้  แต่ในความเป็นจริงการเรียนการสอนในระบบปัจจุบันได้ทำลายความคิดสร้างสรรค์  ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเป็น  ผู้ประกอบการไปเสียแล้ว  ดังนั้นจึงพบว่าบ่อยครั้งที่มีผู้ต้องการเป็นผู้ประกอบการ  (Entrepreneurs)  เป็นจำนวนมาก  แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร  และควรจะทำอะไร  นอกจากนี้หากผู้ที่ต้องการเป็น ผู้ประกอบการ  ผ่านการทำงานยาวนานมาหลายปีและมีเหตุต้องออกจากงาน  ก็เป็นสิ่งยากยิ่งนักที่จะเริ่มต้นกับการเป็นผู้ประกอบการใหม่

 

1. กระหายสู่ความสำเร็จ (Need for Achievement)

     ผู้ประกอบการต้องมีคาวามรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้าในการทำธุรกิจ  หรือต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต  ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ  เนื่องจากหากไม่มีความต้องการนี้ ก็จะไม่มีพลังผลักดันให้ผู้ประกอบการลุกขึ้นมาดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย  โดยความต้องการนี้สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าจะไม่เหมือนกับความต้องการของคนธรรมดาทั่วไป  ทั้งความต้องการด้านทรัพย์สินเงินทอง  ชื่อเสียง เกียรติยศ  หรือเรียกได้ว่า  มีความทะเยอทะยานในระดับสูง
     เหตุที่ต้องมีความต้องการอย่างแรงกล้านี้  เป็นเพราะว่าการเป็นผู้ประกอบการนั้นต้องผ่านความยากลำบากในการดำเนินงานจำนวนมาก  และอุปสรรคที่หนักหนาสาหัสแทบทั้งสิ้น  ซึ่งถ้าไม่มีความต้องการอย่างแรงกล้านี้ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตของการเป็นผู้ประกอบการแล้วนั้นการทุ่มเทอย่างแรงกล้าในการทำธุรกิจก็จะไม่เกิดขึ้น  ธุรกิจก็จะไม่ประสบความสำเร็จ  ที่สำคัญการสร้างธุรกิจให้เกิดขึ้นได้ดีก็คือ  ควรสร้างธุรกิจนั้นขึ้นมาจากใจ  ซึ่งมันสามารถสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะนิสัยใจคอ  รวมไปถึงอารมณ์ที่แสดงออกของตัวผู้ประกอบการเอง
     เมื่อมองเห็นโอกาสในความเป็นไปได้  และพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว  ผู้ประกอบการก็จะทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ความสามารถทั้งหมดให้กับการทำธุรกิจ  โดยไม่คิดถึงความยากลำบากถึงแม้บนเส้นทางในการทำธุรกิจจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิดก็ตาม  แต่ด้วยสายเลือดของการเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการความสำเร็จแล้วเขาจะพยายามจนสามารถฟันผ่าอุปสรรคความยากลำบากที่เกิดขึ้นและเกิดการเรียนรู้ถึงข้อผิดพลาดจากการทำงานที่ผ่านมา  โดยนำข้อผิดพลาดเหล่านั้นมาเป็นประสบการณ์เพื่อนำไปแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จที่มั่นคง


2. มีลักษณะนิสัยชอบเสี่ยง (Risk  Taking)

     หลายคนเชื่อว่าการเป็นผู้ประกอบการนั้นจะพบกับความเสี่ยงสูงอยู่เสมอจึงทำให้หลายคนท้อตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น  หรือล้มเลิกโครงการในการทำธุรกิจตนเองแล้วกลับไปเป็นลูกจ้างต่อก็มี  ความเชื่อเช่นนี้อาจไม่ใช่ความเป็นจริงนัก  เนื่องจาก 2 ใน 3 ของผู้ที่ต้องการทำธุรกิจของตัวเอง  มักจะมีงานประจำหรืองานพาร์ทไทม์อยู่ก่อนแล้วหรือมีธุรกิจอย่างอื่นอยู่  พวกเขาจะไม่ทุ่มเท ทรัพยากรทั้งหมดมาทำธุรกิจของตนเองจนกว่าจะมีความพร้อม  หรือตัดสินใจแล้วว่า  เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้วถ้าทำเช่นนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะมีความสามารพิเศษในการประเมินความเสี่ยงตั้งแต่ก่อนจะเริ่มดำเนินการ  พวกเขาจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จัดความเสี่ยงในการประกอบการให้ได้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  แล้วจึงค่อยตัดสินใจดำเนินการ เพราะพวกเขารู้ดีว่า  ถ้าตัดสินใจอะไรผิดพลาดไป ถือเป็นการเสี่ยงสูงในการส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงัก
     ดังนั้น  เมื่อพวกเขาได้ประเมินสถนการณ์ที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจของเขาแล้ว  ก็จะลงมือกระทำโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสี่ยงที่น้อยลง  แต่ทั้งนี้จะเห็นว่าความเสี่ยงก็ยังมีอยู่  จึงต้องดำเนินไปควบคู่กับความไม่ประมาท  ถ้าต้องเสี่ยงอีก ก็ควรหยุดคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
     กล่าวคือ  ผู้ประกอบการจะรู้ดีกว่า “ธุรกิจ” กับ “ความเสี่ยง” เป็นของที่ควบคู่กัน  และจะทราบดีว่าควรจะเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน  เพราะการที่มีความเสี่ยงในการทำธุรกิจน้อยเกินไปหรือต่ำเกิน 50% ก็ไม่สามารถเป็นผู้ประกอบการที่ดีได้  ยังคงต้องรับสภาพการเป็นลูกจ้างหรือเรียกกันว่ามนุษย์เงินเดือนต่อไป  แต่ทั้งนี้การมีความเสี่ยงเกิน 80-90%  ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี  เพราะอาจผิดพลาดได้  ทางที่ดีผู้ประกอบการที่ต้องการความสำเร็จควรมีความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง  คือมีโอกาสประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว  ความเสี่ยงระดับนี้จะไม่เกินความสามารถของผู้ประกอบการที่จะทำให้บรรลุผลสำเร็จ  หากได้มีการวางแผนการทำงานที่ถูกต้องและประเมินความเป็นไปได้แล้ว 

 
3. คิดอย่างสร้างสรรค์ และ สร้างฝันให้ยิ่งใหญ่ (To Walk again)

     อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ของผู้ประการที่ดีต้องมี นั่นก็คือ การมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  หรือมีจิตนาการที่ไม่เหมือนคนอื่น  ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จนั้น ต้องเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่อยู่ในกรอบที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงด้วย
     พวกเขามีความสามารถในการเสาะหาโอกาส จากความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ซึ่งบุคคลอื่นมองไม่เห็น  สามารถนำจิตนาการมาแปลงเป็นความจริงได้  ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่หลายคนคาดไม่ถึงก็ตาม
     คุณลักษณะที่โดดเด่นของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จประเภทที่เหนือจากบุคคลทั่วไปอีกอย่างคือ การมองบางสิ่งบางอย่างด้วยสัมผัสที่ยิ่งใหญ่  มีแนวคิดมีความฝันในการประกอบธุรกิจที่ยิ่งใหญ่  สามารถมองจากจุดเล็กๆ  แล้วสานฝันให้สามารถขยายเป็นกิจการใหญ่โตได้(คือเริ่มจากก้าวเล็กแล้วค่อยใหญ่ขึ้น)ในขณะที่บุคคลทั่วไปจะมองเพียงบางส่วนเท่านั้น
การมองภาพที่ยิ่งใหญ่นี้ นักวิชาการเชื่อว่า เกิดจากกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจโดยการพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบที่ทำให้ผู้ประกอบการเห็นภาพของธุรกิจอย่างชัดเจน  มองเห็นจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดหลังจากนั้นจึงเกิดการสร้างกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่  ในการเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ
     นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการที่มีความกล้าเสี่ยงที่จะลงทุนในธุรกิจ  ที่คำนวณแล้ว่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า  ดังนั้นเมื่อคิดใหญ่ มองภาพใหญ่แล้ว  ผลตอบแทนก็จะมากไปด้วย


4. ยึดมั่นไม่ย่อท้อ

     คุณสมบัติประการนี้เกิดขึ้นเพราะผู้ประกอบการทุกคนมักจะประสบความรู้สึกร่วมกันก็คือการเผชิญกับอุปสรรคนานาประการ  ที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จคือ บุคคลที่ไม่ล้มเลิกอะไรง่าย ๆ  และทุกคนล้วนเคยล้มเหลวมาก่อน  หรือผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น  แต่ความผิดพลาดหรือความล้มเหลวดังกล่าวไม่ได้ทำให้เป้าหมายของผู้ประกอบการเปลี่ยนแปลงไป  หากพวกเขาเชื่อว่า ความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้น  เปรียบเสมือนบันไดที่จะทำให้พวกเขาก้าวไปสู่จุดที่สูงที่สุดได้มากขึ้นต่างหาก  และวันหนึ่งเมื่อความสำเร็จที่แท้จริงมาเยือน  พวกเขาก็จะชื่นชมมันอย่างเต็มที่ส่วนผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ  ไม่เคยล้มเหลวมาก่อนนั้น สิ่งที่พวกเขาได้รับก็คือ  การได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการดำเนินชีวิต  และการบริหารธุรกิจที่เพิ่มมาขึ้น พวกเขารู้ว่าความยากลำบากในงานเปรียบเสมือนเครื่องนุ่งห่มของความสำเร็จ  ยิ่งประสบความยากลำบากมากเพียงใด  เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ยิ่งดูมีราคามากขึ้นเท่านั้น  พวกเขารู้ว่ายิ่งผ่านประสบการณ์แห่งความล้มเหลวมากครั้งเท่าใด  บันไดแห่งความสำเร็จก็ยิ่งทอดสูงขึ้นเท่านั้นและจุดสูงสุดของบันได  ล้วนเป็นสถานที่ซึ่งน่าพิชิตยิ่งนัก  เพียงแต่ว่า  ในห้วงเวลาดังกล่าวก่อนที่จะผ่านพ้นประสบการณ์มาได้หลายคนล้วนเจ็บปวดทั้งสิ้น


ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะเป็นผู้อยู่รอด


5. เชื่อมั่นในตนเอง

     คุณสมบัติประการสำคัญอีกประการหนึ่งของการเป็นผู้ประกอบคือการมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง  และแนวคิดในการทำเนินธุรกิจของตัวเอง  แม้ว่าในระหว่างของการก่อร่างสร้างตัวนั้น  บุคคลรอบข้างไม่ว่าจะเป็น ญาติสนิท  เพื่อนฝูง นายธนาคาร หรือกระทั่งคู่ชีวิต  จะไม่เชื่อมั่นในผู้ประกอบการคนนั้นก็ตาม ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ  จะต้องมีความเชื่อมั่นว่า เขาสามารถทำได้สำเร็จในงานอะไรก็ตามที่เขาตั้งใจหรือกำหนดไว้ว่าจะทำ
     ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการนี้ บางทีก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง  หากเกิดขึ้นมาจากการสมสมประสบการณ์อันยาวนานของตัวผู้ประกอบการเอง  ผู้ประกอบการใหม่บางครั้งได้รับประสบการณ์ต่าง ๆ จากการทำงานที่ตนได้ทำระหว่างประกอบอาชีพอยู่  บางรายได้รับหลักการทำงานในองค์กรเดิมที่ได้ทำอยู่กับบุคคลอื่นมาก่อน  ประสบการเหล่านั้นบางครั้งได้รับมาเพียงบางส่วนเท่านั้น  ซึ่งไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้ในความเป็นจริงเพราะยังขาดหลักการในการบริหารองค์กรที่ถูกต้องและผู้ประกอบการยังขาดความเชื่อมั่นเมื่อนำวิธีการเหล่านั้นมาปฏิบัติจริง
     หลายคนเชื่อว่า  วิธีสร้างความเชื่อมั่นโดยเรียนรู้จากการทำงานที่อื่นมาก่อนนั้นเป็นต้นทุนในการประกอบธุรกิจที่ราคาต่ำสุดและเปรียบเสมือนการเรียนทางลัด  ทั้งยังได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุดในการประกอบธุรกิจ(สำหรับหนังสือบางเล่มก็เป็นโค้ตได้เช่นกัน)  ในขณะที่บางคนมีจุดเริ่มต้นในการเป็นผู้ประกอบการมาจากศูนย์  ไม่มีแม้แต่เงินทอง  ทรัพย์สิน  เพื่อนฝูง  หรือความรู้หรือเรียกได้ว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากความเชื่อมั่น  คิดเพียงแต่ว่าความเชื่อมั่นสามารถสร้างธุรกิจที่ตนรักและต้องการให้เกิดขึ้นได้  จึงเริ่มทำงานตามสิ่งที่ตนเองเชื่อ  แล้วก็ฝ่าฟันไปยังเป้าหมายที่ต้องการจนได้


6. มีความสามารถในการตัดสินใจ

     หลายคนเชื่อว่า  บุคคลคนหนึ่งมีความสามารถแตกต่างไปจากบุคคลอื่นนั้นส่วนหนึ่งมาจากความสามารถในการตัดสินใจของแต่ละบุคคลไม่เทียมกัน  และผู้ประกอบการก็เป็นบุคคลหนึ่งที่มีความสามารถในการตัดสินใจที่แตกต่างและโดดเด่นจากบุคคลอื่น สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าในตัวผู้ประกอบการทุกคนจะมีสัญชาติญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าเมื่อใดควรตัดสินใจและเมื่อใดไม่ควรตัดสินใจโดยเฉพาะการตัดสินใจในภาวะวิกฤติว่าควรจะดำเนินการอย่างไรกับธุรกิจหรือในชีวิตของตนเองแต่อย่างไรก็ตาม  หากศึกษาให้ดีแล้วจะพบว่า กระบวนการของการตัดสินใจของผู้ประกอบการล้วนผ่านการกลั่นกรองด้วยดีมาแล้วสิ้นเชิงเป็นผลมาจากการสั่งสมประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาและการตรวจสอบจากสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นนั่นเอง
ผู้ประกอบการที่ดีส่วนใหญ่เชื่อว่า  ความสำเร็จหรือความล้มเหลวที่เกิดขึ้น  ล้วนมาจากการตัดสินใจของตนเอง  ผลของการตัดสินใจ  แม้ว่าจะผิดหรือจะถูกก็เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการทุกคนยอมรับได้  ถ้าผิดก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ตนเองได้ก้าวสูงขึ้นพร้อมกับการสร้างอนาคตที่มั่นคงแต่ถ้าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วก็ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นใจให้เกิดเพิ่มขึ้น
ในทางตรงกันข้าม  ก็ยังมีบุคคลบางส่วนที่เชื่อในเกือบทุกเรื่อง ยกเว้นตัวเอง พวกนี้มักเชื่อโชคชะตา  เชื่อในสภาพเศรษฐกิจ  สภาพแวดล้อมภายนอก มองว่าปัจจัยภายนอกเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ  หรือเรียกได้ว่าถูกปัจจัยภายนอกครอบงำอยู่  ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มักไม่ประสบความสำเร็จในฐานะของการเป็นผู้ประกอบการ 

 

7. กล้าเปลี่ยนแปลงถือเป็นโอกาส

     ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หรือเรียกได้ว่าแทบคนมองว่า  การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติซึ่งจะตรงกับบุคคลทั่วไปที่มองว่าการเปลี่ยนแปลงคือ หายนะ  เพราะมันสามารถพลิกชีวิตคนคนหนึ่งจากเคยมีชีวิตที่สุขสบายให้กลายเป็นยาจกได้ในพริบตา  แต่สำหรับมุมมองของผู้ประกอบการถือเป็นเรื่องจำเป็นของชีวิต  บางครั้งหลายคนพยายามค้นหาความเปลี่ยนแปลงด้วยตนเองอย่างกระหายเสียอีก
     เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขามองว่า  การเปลี่ยนแปลงถือเป็นโอกาสสำคัญของชีวิตเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ ๆ การใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายหรือพฤติกรรมของบุคคล  คือหัวใจสำคัญของการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ อันเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการอย่างมาก
     การเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจไทยที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา  ก่อให้เกิดคนตกงานเป็นจำนวนมาก  หลายกิจการต้องปิดตัวลง  แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นชีวิตโดยเปิดกิจการใหม่ และนั่นก็คือ  ก้าวแรกของการเป็นผู้ประกอบการที่ดีและยิ่งใหญ่ในอนาคตนั่นเอง
 
 
เวลาเป็นทรัพย์อันมีค่า  จงใช้มันให้เกิดประโยชน์อันสูงสุด


8. อดทนต่อความไม่แน่นอน

     ผู้ประกอบการทุกคนต้องพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาทั้งด้านดีและด้านเลวร้าย  ตลอดจนปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้  เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจ สภาพภูมิอากาศ  การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค  ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลต่อธุรกิจ  และมีความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา  ผู้ประกอบการทั้งหลายจะรู้ดีว่าสถานการณ์แบบนี้จะไม่มีใครตัดสินใจทำอะไรมากนัก  จึงควรอดทนเพื่อที่จะรอคอยสิ่งที่ดีที่สุด  หรือแม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวก็ควรเป็นการเคลื่อนไหวที่ตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว ทั้งนี้  ชีวิตของผู้ประกอบการ  เป็นชีวิตที่ต่างจากบุคคลอื่น  เนื่องจากดำเนินไปภายใต้การกำหนดของตนเอง  ไม่มีแบบแผนที่ถูกกำหนดไว้อย่างเด่นชัด  ไม่มีใครกำหนดแผนการหรือลำดับชีวิต 1-2-3  ของผู้ประกอบการแต่ละคนได้  หลายคนไม่เคยวางแผนให้ตัวเองด้วยซ้ำไปว่าต้องทำอย่างไร  แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะอดทน ทำ แล้วก็ทำ ต่อไป


9. มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

     ความต้องการอย่างแรงกล้าและความคิดที่ดีเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการแตกต่างจากบุคคลอื่นเพราะคนทั่วไปรู้ดีว่า  ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ มักมีความคิดริเริ่มในสถานการณ์ที่บุคคลอื่นไม่สามารถทำได้  คนทั่วไปหลายคนมีแนวคิดที่ดี แต่ขาดความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ  ผู้ประกอบการที่ดีจึงควรทำตามแนวคิดที่ตนเองมี  และเริ่มต้นทำตามแนวคิดที่วางไว้  เมื่อมีโอกาสที่เหมาะสมดังนั้นเมื่อมีการเริ่มต้น  โอกาสแห่งความสำเร็จย่อมมีมากกว่าการไม่ลงมือทำอะไรเลย  และผู้ประกอบการทุกคนจะต้องมีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จสูงกว่าบุคคลอื่น  แม้ว่าจะต้องมีการเผชิญกับอุปสรรคนานาประการก็ตาม
     อย่างไรก็ตาม  การเป็นผู้ประกอบการที่ดี  ไม่เพียงแต่จะปฏิบัติภารกิจของตนให้ลุล่วงไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  ผู้ประกอบการต้องประสบความสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบ  และต้องมีความต้องการที่จะให้ผลงานของตนไม่มีที่ติอีกด้วย ต้องเอาใจใส่ในรายละเอียดของงานคุณภาพของสินค้า และใส่ใจต่อบริการที่สร้างความประจับใจต่อลูกค้า
 

คนที่จะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ ต้องฉลาดคิดและสร้างสรรค์


10. คุณค่าของเวลามีความสำคัญ

     ผู้ประกอบการที่ดีจะให้ความสำคัญต่อเวลาสูงมาก  เพราะพวกเขาคิดว่าเป็นการได้ผลกำไรที่มีผลตอบแทนคุ้มค่า  และไม่ต้องลงทุนใด ๆ เลย เพียงแค่ขยันมากขึ้นอีกเล็กน้อย  หรือเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น  ไม่ว่าจะเป็นการตื่นเช้าหรือเข้านอนช้ากว่าคนทั่วไป  โดยคิดเสมอว่า  ไม่มีงานอันไหนที่จะทำได้ทันเพราะทุกงานเป็นเรื่องที่เร่งด่วนทั้งสิ้น  และด้วยลักษณะแบบนี้  อาจทำให้พนักงานที่ร่วมงานด้วยเกิดความรำคาญเพราะมีทัศนคติที่แตกต่างกันออกไป

ไม่มีความสำเร็จใดได้มา  โดยที่ไม่ลงทุน

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้